skw603 alumni's 80
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552
  Melbourne; World's Most Livable City 2005
อัลบัมนี้พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวเมืองเมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย
เมืองนี้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก ในปี 2005 (คู่กับเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และเวียนนา ประเทศออสเตรีย) ที่จัดโดย the London-based Economist Intelligence Unit (EIU) ดังนั้นเมืองนี้จึงเป็นเป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวและนักเรียนจากทั่วโลก เพราะนอกจากเมืองมีบรรยากาศสวยงามอย่างยุโรป อากาศดี ภูมิประเทศสวยงามแล้ว ค่าครองชีพยังไม่แพงอีกด้วย

ว่าแล้วก็พาเพื่อนไป Survey Melbourne กันซักหน่อย เผื่อใครว่างๆ แนะนำให้มาเที่ยว จะเป็นไกด์ให้เอง แต่ทริปนี้เน้นกินกับเที่ยวนะ สาระไม่เอา เพราะเรียนหนังสือมีสาระเยอะมากอยู่แล้ว ช่วงที่น่ามาเที่ยวคือ ฤดูหนาวในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ไปเล่นสกีกัน สนุก ท้าทายสุดยอด ส่วนใครไม่ชอบหนาว แต่ชอบฟ้าใส ชายทะเล และสาวๆ ในชุดบีกีนี่ก็ต้องมาช่วงธันวาคมถึงมกราคม เจ๋งสุด ทั้งสองช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก เมืองเมลเบิร์นจึงคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยกิจกรรมนานาชาติ เช่น ออสเตรเลี่ยนโอเพ่น (ปีที่แล้วนาดาลได้แชมป์ไป) เวิร์ลกังปรี ฟอมูล่าวัน หรือ World Comedy Festival เป็นไงเริ่มสนใจแล้วใช่ไหม ตามทริปไปเรียกน้ำย่อยกันก่อนเลย

เริ่มที่งานเทศกาลดอกไม้ Melbourne Flora Festival ที่ Melbourne Convention Hall อาคารนี้คือศูนย์แสดงสินค้า เหมือนกับอาคาร Impact Arena เมืองทองธานีที่บ้านเรา แต่อาคารหลังนี้เป็นอาคารเก่าแก่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพราะสร้างกันมานานกว่าร้อยปีแล้ว แต่เขาดูแลรักษาดีมาก อาคารยังสวยงามและใช้งานได้ดี


รูปนี้เป็นบรรยากาศภายในอาคารที่มีคงรูปแบบศิลปะเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย เมลเบิร์นอย่างเรา มาที่นี่ทีไรรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทุกที เพราะที่นี่คือสถานที่สอบ Final ของมหาวิทยาลัย สอบกันที 2-3 พันคนพร้อมๆ กัน(คิดเอาละกันว่ามันใหญ่แค่ใหน)บรรยากาศเป็นทางการและปวดตับมาก


เมืองนี้เป็นเมืองแห่งศิลปะและการศึกษา จึงมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และ Gallery มากมายทั่วเมือง เหมือนไปกรุงเทพตรงมุมใหนก็มีแต่ 7-11 อารมณ์ประมาณนั้นเลย แล้วที่สำคัญมีให้ดูฟรีเยอะมากมาย คนที่นี่จึงอารมณ์ดี เป็นมิตร และชื่นชอบศิลปะและศิลปินกันมาก ไฮไลท์คือ NGV (National Gallery of Victoria) เพราะเป็นแกเลอรี่ยักษ์และสวยเหลือเกิน มีงาน Original ของศิลปินระดับโลกมาแสดงให้ดูทุกเดือน (ฟรีบ้างเสียตังค์บ้าง) แล้วใกล้กันยังมี Victoria Art Performance Centre อาคารคล้ายหอไอเฟลของฝรั่งเศส ที่นี่จึงกลายเป็น Landmark ของเมืองเมลเบิร์นกลายๆ


บรรยากาศข้างใน NGV ในรูปแสดงภาพนายแบบในปัจจุบันและในอนาคต (อันใกล้)



Art museum ที่น่ามาเที่ยวคือ Melbourne Museum ตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับ Melbourne Exhibition Centre เลย แต่มี Image แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงคือ MAM จะออกแบบให้โมเดิร์นสุดทีน ขณะที่ MEC จะเก่าแบบศิลปะยุควิตอเรีย ที่นี่มีจุดเด่นคือ โรงภาพยนต์ Imax แถมนักศึกษาเข้าไปในส่วน Permanance & Temporary exhibition ฟรีซะด้วย


อาคารสีเหลืองไข่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบของชาวเมลเบิร์นและกะเหรี่ยงหัวดำอย่างพวกเราในช่วงแรกๆ ที่มาที่นี่ใหม่ๆ เพราะรถราง (Tram) ทุกสาย รถไฟทุกขบวนผ่านที่นี่ หลงทางยังไงบอกว่าไป Flinder station เป็นอันว่ารอดตาย ที่นี่คือสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ก่อนหน้านี้สักสิบปี สถานีรถไฟแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานีรถไฟที่มีรถวิ่งเข้าออกชุกมากที่สุดในโลก หน้าตาคล้ายหัวลำโพงอย่างแรง นึกว่าฝาแฝด

ฝั่งตรงข้ามหัวลำโพงเป็นสนามหลวง เอร้ยยย ไม่ใช่ เป็น Federation Square (แต่เหมือนจริงๆ นะ) เป็นลานอเนกประสงค์ใหญ่ที่สุดในเมือง จุคนได้ราวหมื่นคน ตอนนี้พวกเรามาดูการถ่ายทอดสดการแข่งขัน Australian Open ระหว่าง Nadal กับ FedX สนุกมาก เพราะคนเยอะ เชียร์กันเสียงดังสะใจ เสียอย่างเดียวกินเบียร์ไม่ได้ทั้งที่อากาศร้อนชิบ (คืนนั้นเกือบสี่สิบองศา) เพราะผิดกฎหมายจร้า


แต่เมืองเรียนหนังสือไปสักพัก ก็กลายเป็นกระเหรี่ยงพัฒนาแล้ว เปลี่ยนที่นัดพบแห่งใหม่ เรียกว่า Melbourne Central เป็นชุมทางสถานีรถไฟอีกแห่งในเมือง แต่มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยเพราะชั้นบนเป็นห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ และ ผับ ที่นี่คึกคักทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวเอเชียสวยๆ ตรึม เกาหลี ญี่ปุ่น และ จีน ละลานตา :P


พาไปนอกเมืองกันบ้าง ที่นี่เรียกว่า Greate Ocean Road เป็นถนนเลียบชายหาดยาวเป็นร้อยกิโลเมตร อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง นั่งรถราว 4-5 ชั่วโมง จุดเด่นคือ Twelve Apostles คือกลุ่มหิน 12 แห่งที่ถูกน้ำทะเลและกระแสลมแรงพัด จนกลายเป็นรูปทรงแปลกประหลาด คล้ายสัตว์และรูปต่างๆ เช่น ช้าง ม้า สะพาน เป็นต้น ด้วยความที่มันเจอลมทะเลทุกวัน หินสองแท่งจึงถูกเซาะล้ม จมหายไปในทะเลเรียบร้อยโรงเรียนเมลเบิร์นแล้ว เหลือหินอีกสิบแท่ง ก็จะตามเพื่อนๆ ไปในไม่ช้านี้ คนจึงแห่มาดูที่นี่กันมากมาย เรียกว่าถ้ามาเมลเบิร์นก็ต้องมาที่นี่ให้ได้ แต่นั่งรถเมื่อยก้นมาก ขอบอก




เมลเบิร์นยามค่ำคืน ภาพนี้ได้จากตอนไปเที่ยว Mumba Festival เหมือนงานวัดบ้านเราแต่เป็น Scale ใหญ่ระดับเมือง คนเป็นหมื่น กลางเมืองเมลเบิร์นมีแม่น้ำผ่านเรียกว่า Yara River สะอาด ใส และสวยเหลือเกิน (ทำให้นึกเปรียบเทียบกับแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วเศร้าใจอย่างแรง) จุดเด่นริมน้ำคือ อาคารยอดแหลมคล้ายหอไอเฟลคือ Melbourne Art Performance Centre เหมือนศูนย์วัฒนธรรมบ้านเรา แสดงดนตรีคลาสสิค คอนเสิร์ต ละครเวที โอเปร่า ระดับซาด วิวนี้อยู่ฝั่ง South bank เป็นเขตศูนย์กลางธุรกิจทันสมัย



มองมาฝั่งตรงกันข้าม เรียกว่าฝั่งเมือง เป็นย่านอนุรักษ์กับย่านธุรกิจผสมผสานกัน แต่อาคารส่วนใหญ่เป็นอาคารเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยวิคตอเรีย ในภาพชาว Melbournian กำลังมานั่งรอดูพลุ ที่ริมฝั่งแม่น้ำยารา ในงานวันชาติออสเตรเลีย ซึ่งพลุไฟเป็นไฮไลท์ของงานนี้ แต่ไม่สู้พลุงานวันพ่อบ้านเรา ขอบอก ที่นี่ชิดซ้ายไปเลย



แวะมาตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้กันดีกว่า ตลาดชื่อว่า Queen Victoria Market เป็นตลาดขายอาหารสดและอาหารแห้งนานาชนิด พวกนักศึกษายากจนอย่างเราจะมาตลาดกันตอนบ่ายวันเสาร์ เพราะจะได้ของถูกดโคตร ประเภท one dollar box ขนผัก ผลไม้เป็นลังๆ แต่ราคาเหรียญเดียว (1 Aud = 30 Baht) ไปทำอาหารกินอยู่ได้ทั้งอาทิตย์ เพราะจะให้ซื้อกินทุกมื้อก็ไม่ไหว จนตาย ข้าวจานละสิบเหรียญอัพ เงี๊ยะ สามร้อยนะครับพี่น้อง แถมรสชาดสุนัขเมินอีกต่างหาก ทำทานเองถูกเงิน ถูกปาก และถูกด่าด้วยบางครั้ง อิ อิ อิ


ปิดท้ายพาไปเที่ยวคณะที่กระผมเรียน ชื่อเต็มๆ คือ Faculty of Architecture Building and Planning, Melbourne University ชื่อยาวได้ใจดีแท้ คณะนี้เรียนสอนตั้งแต่การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไปถึงการออกแบบผังเมือง นักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวออสเตรเลีย ที่เหลืออีกหนึ่งในสามเป็นนักเรียนต่างชาติ มิน่าตอนเข้าประถมนิเทศน์ หานักเรียนไทยไม่เจอสักคน เป็นไบ้เลยตู ภาพที่เห็นเป็นด้านนอกอาคาร เขาคิดดีโดยยกเอาอาคารเก่ามาประกอบใหม่ แล้วสร้างต่อเติมเป็นตึกขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง แบบสมัยใหม่ เพราะเห็นอยากอนุรักษ์ Faade ด้านนี้ไว้เป็นที่ระทึก เอ้ย ที่ระลึกและไว้ให้นักศึกษาได้เรียนพวก Element of Art ของศิลปะยุควิตอเรีย ไฮโซเนาะ

ข้างล่างเป็นบรรยากาศภายในอาคาร (คนละเรื่องเลย) ส่วนนี้เรียกว่า Atrium คือโถงกลางนั่นแหละ ไว้เป็นที่นัดหมาย ประชุม และแสดงนิทรรศการ สาระพัดประโยชน์จริงๆ



เอาหล่ะได้เที่ยวกันหอมปากหอมคอ คงทำให้เพื่อนๆ เริ่มอยากมาเที่ยวเมลเบิร์นขึ้นมาบ้างยัง ถ้าถูกใจคราวหน้าจะพาไปเที่ยวทริปสกีกับในมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นกันต่อ โปรดติดตามกัน ยามเมื่อเราไม่ขี้เกียจนะ
 
ติดตามข่าวคราวอัพเดทของเพื่อนเก่าห้อง 6/3 ศรีสะเกษวิทยาลัย รุ่นที่ 80

ภาพถ่ายของฉัน
ชื่อ:
ตำแหน่ง: Melbourne, Victoria, Australia

HIPPO is crazy architect student. I was born at E-sarn so my snout so flat within the square face, and shape angle chin but so sadly that I roughly bad on speaking Laos. I believe that eating "Pla Dake" everyday will increase my native language skill, that's why i'm really enjoy eat Som Tum Laos everyday. Currently, I'm doing post graduated course at school of ABP, Melbourne University. I found that one of the best way to made myself overcome the lonely moments at here is joining Blogger because it is very easy way that available me to keep in touch with u guys. I wish, at lease 3 years at one of most world liveable city, will be both enrich and reward my life and study. U r welcome to survey my small world and also to catch up u soon. Cheer :)

คลังบทความ
กรกฎาคม 2009 / สิงหาคม 2009 / กันยายน 2009 / ตุลาคม 2009 / พฤศจิกายน 2009 / ธันวาคม 2009 / มีนาคม 2010 / เมษายน 2010 /


Powered by Blogger

สมัครสมาชิก
บทความ [Atom]